ประเภทบัญชีที่ลูกค้าสามารถเปิดใช้งานกับทางหลักทรัพย์ได้มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภทคือ
1. Cash Account ( บัญชีเงินสด )
- บัญชีที่ลูกค้าที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Equity) เต็มจำนวนด้วยเงินสด
- ก่อนการซื้อหลักทรัพย์ ต้องวางหลักประกัน ได้แก่ เงินสดหรือมีหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากหลักประกันเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- วงเงินที่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์เท่ากับวงเงินตามหลักประกัน แต่ไม่เกินวงเงินที่บริษัทฯ อนุมัติให้ซื้อขายได้
- การชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ และส่งมอบหลักทรัพย์ภายในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันที่ซื้อขาย (T+2)
2. Cash Balance ( บัญชีเงินฝาก )
- บัญชีที่ลูกค้าต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Equity) ภายในวงเงินตามหลักประกันเงินสดที่ฝากไว้กับบริษัทฯ
- ก่อนการซื้อหลักทรัพย์ ต้องวางหลักประกัน ได้แก่ เงินสดในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากหลักประกันเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- วงเงินที่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์เท่ากับวงเงินตามหลักประกันเงินสด โดยอำนาจซื้อเพิ่ม (จากการขายหลักทรัพย์ หรือการฝากเงินสด) / ลด (จากการซื้อหลักทรัพย์หรือการถอนหลักประกันเงินสด)โดยอัตโนมัติ
- การชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยตัดหลักประกันเงินสดที่ฝากไว้กับบริษัทฯ และส่งมอบหลักทรัพย์ภายในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันที่ซื้อขาย (T+2)
3. Credit Balance ( บัญชีมาร์จิ้น )
- บัญชีที่ลูกค้าต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Equity) โดยขอใช้เงินกู้ยืมจากบริษัทฯ บางส่วน เพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Loan)
- ลูกค้าต้องนำเงินมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้กับบริษัทฯ ก่อนการซื้อหลักทรัพย์์
- อัตราดอกเบี้ยกู้ยืม และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากหลักประกัน เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- วงเงินที่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่นำมาวาง และมูลค่าหลักทรัพย์ที่ซื้อและที่วางเป็นหลักประกัน แต่ไม่เกินวงเงินที่บริษัทฯ อนุมัติให้ซื้อขายได้
- บริษัทต้องทำการ Mark to Market หลักทรัพย์ที่เป็นหลักประกันทุกวัน ซึ่งจะมีผลทำให้อำนาจซื้อของลูกค้า เพิ่ม/ลด โดยอัตโนมัติ ตามมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์ของลูกค้า
4. Derivatives ( บัญชีตราสารอนุพันธ์)
- บัญชีที่ลูกค้าต้องการซื้อขายสัญญาซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Derivative)
- ก่อนการซื้อสัญญาซื้อขายสัญญาล่วงหน้าต้องวางเงินสดเป็นหลักประกัน
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากหลักประกันเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- อำนาจซื้อของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลูกค้านำมาวาง แต่ไม่เกินวงเงินที่บริษัทฯอนุมัติให้ซื้อขายได้
- บริษัทต้องทำการปรับมูลค่าหลักประกัน (Mark to Market) ทุกวัน ซึ่งจะมีผลทำให้อำนาจซื้อของลูกค้า เพิ่ม/ลด โดยอัตโนมัติ ตามมูลค่าตลาดของของลูกค้า
เพื่อความสะดวกรวดเร็วในกรณีต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถติดต่อ "ทีม Customer Support" บล.พาย ได้ผ่านช่องทางแชท ด้านล่าง
LINE : @pisecurities
E-mail : support@pi.financial
📌 เพื่อความปลอดภัยสำหรับข้อมูลของท่าน โปรดติดต่อเราผ่านช่องทางที่เป็นทางการดังกล่าวเท่านั้น